5

ภาวะเศรษฐกิจปี 

2561

 

สำานักงานฯ คาดว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีแนว

โน้มขยายตัวสูงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และอัตรา

เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่จะอยู่ในระดับตำ่ากว่าเป้าหมาย

ระยะยาว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยี

และกระบวนการผลิตที่ต้องการให้ห่วงโซ่อุปทาน

ระหว่างประเทศสั้นลง แม้ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์

อาจปรับสูงขึ้นในระยะสั้นบ้างก็ตาม กลุ่มประเทศ

พัฒนาแล้วมีความแตกต่างกันในการดำาเนินนโยบาย

การเงินโดยคาดว่าสหรัฐฯ จะดำาเนินนโยบายเข้มงวด

โดยมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและลดสภาพ

คล่องในระบบ  และธนาคารกลางยุโรปจะชะลอการ

อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ ในขณะที่ญี่ปุ่นยังดำาเนิน

นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่องผ่านการเข้าซื้อ

สินทรัพย์ ส่งผลให้ตลาดเกิดใหม่บางประเทศเริ่มมี

การดำาเนินนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นตาม

สหรัฐฯ อย่างไรก็ดีแม้ว่าการอัดฉีดสภาพคล่องจะ

ลดลง แต่สภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง 

ส่งผลให้สินทรัพย์ทางการเงินยังมีราคาแพงได้อีก

ระยะหนึ่ง ในขณะที่ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจโลก

ตำ่าลงจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดีประเด็นที่ต้องจับตา

มองได้แก่ ผลกระทบจากการดำาเนินนโยบายการคลัง

ผ่านการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าจะ

ส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด และความเสี่ยงจาก

การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเกิดจากการปรับ

โครงสร้างเศรษฐกิจให้พึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศ

มากขึ้น และการปฏิรูปด้านต่างๆ รวมทั้งความเสี่ยง

จากการดำาเนินนโยบายการเงินที่ผิดพลาดของ

ธนาคารกลางประเทศหลักๆ 

 

ในส่วนของเศรษฐกิจไทย สำานักงานฯ คาดว่า

จะขยายตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณร้อยละ 

3.8 - 4.0 โดยการส่งออกจะยังขยายตัวได้ตามการ

ขยายตัวของประเทศคู่ค้า การบริโภคภายในประเทศ

สามารถขยายตัวได้อย่างสมดุลมากขึ้น การลงทุนทั้ง

ภาครัฐและเอกชนจะมีบทบาทสำาคัญมากขึ้น ส่งผล

ให้การนำาเข้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ดุลบัญชี

เดินสะพัดของไทยจะยังเกินดุลในระดับที่สูงเมื่อ

เทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อ

จะค่อยๆ กลับเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อของธนาคารแห่ง

ประเทศไทยได้ โดยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 

1.2 - 1.6

 

สำานักงานฯ ลดการลงทุนในสินทรัพย์เติบโต

สูง (Growth Assets) เนื่องจากระดับราคาหุ้นที่

ปรับขึ้นมาสูงในปีที่ผ่านมา และยังคงเน้นการลงทุน

ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี มีปัจจัยพื้นฐานดี และมี

อัตราการจ่ายปันผลสูงอย่างสมำ่าเสมอ นอกจากนี้

สำานักงานฯ ยังได้ปรับเพิ่มกลุ่มสินทรัพย์มั่นคง (Safety

Assets) โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ

ตราสารไม่สูงมากนักเป็นหลักจากความกังวลต่อการ

ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด        และตราสารหนี้เอกชน

โดยพิจารณาหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและความ

น่าเชื่อถือที่ดี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้สำานักงานพยายาม

กระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดย

เน้นในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงตำ่า เช่น ตราสารหนี้

ตลาดเกิดใหม่และตราสารหนี้เอกชนโลก

ณ     ธ.ค. 60